Research name : A study of the problem in using “朝,向 and 往” for thai student incorrectly : A case study of Chinese major student in Ubonratchathani university.
题目: 泰国学生使用汉语介词 “朝,向 与 往” 的问题研究 : 以泰国乌汶大学中文系四年级学生为例
อาจารย์ที่ปรึกษา : อาจารย์ประภาพร ศศิประภา
ชื่อผู้นิพนธ์ : นางสาวอมรรัตน์ แซ่จึง
รหัสประจำตัวนักศึกษา : 5414401539
..............................................................................................................................
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง : ปัญหาการใช้คำบุพบท
“朝,向 และ 往”ของนักศึกษาไทย
กรณีศึกษา : นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาภาษาจีนและการสื่อสาร
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
คำสำคัญ : คำบุพบท
ไวยากรณ์จีน “朝,向 และ 往”การเรียนการสอนภาษาจีน
คำบุพบททั้งสามคำนี้“朝,向 และ 往”มีความหมายคล้ายกันต่างก็แปลว่า
ไปยัง ไปทาง บางครั้งสามารถใช้แทนกันได้
กล่าวคือโครงสร้างไวยากรณ์“朝”
จะไม่สามารถวางไว้หลังคำกริยาได้และใช้ในรูปแบบประโยคที่ไม่มีการเคลื่อนที่
“向”
สามารถวางไว้หน้าหรือหลังคำกริยาได้
และถ้าไม่มีการเคลื่อนที่ “朝และ向” สามารถใช้แทนกันได้
ส่วน “往”
จะไม่สามารถใช้แทนที่กันได้
แต่สามารถวางไว้หน้าหรือหลังคำกริยาได้ เนื่องจากคำบุพบทของทั้งสามคำนี้มีความแตกต่างกันในการใช้
จึงทำให้นักศึกษาไทยเกิดความสับสนในการใช้คำบุพบททั้งสามคำนี้
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาการใช้ไวยากรณ์ “朝,向และ往”
ของนักศึกษาชั้นปีที่
4
สาขาภาษาจีนและการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
จำนวน 27 คน โดยการทำแบบทดสอบ แบ่งออกเป็นส่วนที่ 1 คือ เลือกตอบ “朝,向 และ 往” จำนวน
20
ข้อ และส่วนที่ 2 ข้อใดใช้คำบุพบทได้ถูกต้อง จำนวน 10
ข้อ รวมทั้งหมด 30 ข้อ
ผลการศึกษาวิจัย นักศึกษาชั้นปีที่ 4
สาขาภาษาจีนและการสื่อสาร มีปัญหาการใช้ไวยากรณ์คำบุพบท “朝,向และ往”
ในแบบทดสอบโดยนักศึกษาตอบถูกทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 33.3% และตอบผิดทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 66.7%
โดยในแบบทดสอบส่วนที่ 1 คือ เลือกตอบ “朝,向 และ 往” พบว่านักศึกษาตอบผิด
คิดเป็นร้อยละ 65 สาเหตุที่นักศึกษาตอบผิด คือ ยังไม่มีความเข้าใจวิธีการใช้ไวยากรณ์ทั้งสามคำนี้และในหนังสือเรียนมีเนื้อหาไวยากรณ์ “朝”
เป็นจำนวนน้อย และในแบบทดสอบส่วนที่ 2 คือ วิเคราะห์ความถูกต้องของการใช้คำบุพบท
พบว่านักศึกษาตอบผิด คิดเป็นร้อยละ 70 สาเหตุที่ตอบผิด
คือ ไม่เข้าใจความหมายของประโยคและเกิดความสับสนในการแปลความหมายคำบุพบทระหว่าง“向และ往”
จากการทำแบบทดสอบโดยรวมนักศึกษามีปัญหาการใช้ไวยากรณ์ “朝,向 และ 往” คิดเป็นร้อยละ 70
แนวทางแก้ไขปัญหาคำบุพบทไวยากรณ์
“朝,向และ往”
คือ
ผู้เรียนภาษาจีนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คำบุพบทจีนโครงสร้างและวิธีการใช้คำบุพบท“朝,向และ往”
เพิ่มมากขึ้นและฝึกทำแบบฝึกหัด หาตัวอย่างที่หลากหลายนอกจากหนังสือเรียน
ผู้เรียนควรนำคำบุพบทมามาสนทนา เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในการใช้
งานวิจัยชิ้นนี้ยังสามารถเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการใช้คำบุพบท “朝,向และ往”ของนักเรียนไทยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
..............................................................................................................................
摘要
题目 :
泰国学生使用汉语介词 “朝,向 与 往” 的问题研究 : 以泰国乌汶大学中 文系四年级学生为例
关链词 : 介词,汉语语法,“朝,向 与 往”,对外汉语教学
“朝,向 与 往” 三个汉语介词意义相同都表示方向,有时可以互换,但有时不可以,因为在某些句子中如果互换,会使句子语法结构发生变化。例如
“朝”在句中都在动词的前面,“向” 可以放在动词的前或后,如果 谓语为非移动的静态动词时,只能用“朝、向”,不能用
“往”,但“往”放在动词的前后都可以。研究方法是对乌汶大学人文学院中文专业的学生进行 “朝,向 与 往” 使用方法的问卷调查研究,研究对象是四年级的 27位学生。问卷调查分为两部分:第一部分是“朝,向 与 往” 的语法结构使用方法调查,一共20题 ;第二部分是 “朝,向 与 往” 作为介词的使用方法调查,一共10题。
从问卷调查中得知,调查结果显示,大学四年级学生全部答对的占 33.3%, 全错的占 66.7% 。发现学生在问卷调查的第一部分:“朝,向 与 往” 的语法结构使用方法调查,答错的占65%,原因是在书上拥有
“朝” 的内容不太多以及学生不明白句子的用法。第二部分:“朝,向 与 往”作为介词的使用方法调查,答错的占70%,原因是不明白句子的意思,不清楚 “向
与
往”的用法,所以不确定应该用哪个才正确。另外学生做问卷调查得知,“朝,向 与 往”的使用方法,错误的占 70%。从学生答问卷的情况来分析,答错的原因是学生不够了解“朝,向 与 往” 的语法结构与使用方法。
要解决使用汉语介词“朝,向 与 往”语法问题的方法是:学习 “朝,向 与 往” 的语法结构和使用方法,以便明白其意思和常做练习。除此之外,学生还要在其他书上学习其他介词。为了能正确使用介词学生应该多做会话。研究还会解决泰国学生使用介词“朝,向 与 往”的问题,以有助于今后的汉语教学。
没有评论:
发表评论