2011年2月20日星期日

การศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”ของนักศึกษาไทย

ชื่อภาษาไทย               การศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”ของนักศึกษาไทย   
                                      กรณีศึกษานักศึกษาชั้นปีที่สาขาวิชาภาษาจีน  คณะศิลปศาสตร์ 
                                      มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
题目                          泰国学生使用“了”、“过”的问题研究 
                                      研究对象:乌汶大学中文专业三年级的泰国学生   
ชื่อผู้นิพนธ์                 นางสาวภัชรากร  คล่องดี
                                      นางสาวยุวดี   พิมพ์พันธ์
อาจารย์ที่ปรึกษา        อาจารย์ณัฐพัชร์ เตชะรุ่งไพศาล
อาจารย์เจ้าของภาษา  王薇老师


บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง     การศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”ของนักศึกษาไทย   กรณีศึกษานักศึกษาชั้นปีที่
                 สาขาวิชาภาษาจีน  คณะศิลปศาสตร์  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
คำสำคัญ   หลักไวยากรณ์ภาษาจีน   คำเสริ“了”、“过”   คำเสริมอาการ    คำเสริมน้ำเสียง

                งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้างทางไวยากรณ์   ลักษณะทางความหมายและวิธีการใช้ของ“了”、“过”และศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”ของนักศึกษาไทย   โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือ  พจนานุกรม  และสื่ออินเตอร์เน็ต  รวบรวมข้อมูลจากการทำแบบทดสอบของนักศึกษาไทยที่เรียนสาขาวิชาภาษาจีน ชั้นปีที่ 3 คณะศิลปศาสตร์   มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  จำนวน 30 คน
ผลการวิจัยพบว่า  นักศึกษามีปัญหาการใช้โครงสร้างไวยากรณ์“了”、“过”  คือ
1.             โครงสร้างไวยากรณ์แบบ +……+ + + 宾”ตอบผิดคิดเป็นร้อยละ76.67 เป็นโครงสร้างที่มีปัญหาในการใช้มากที่สุด   เนื่องจากนักศึกษาไม่ทราบโครงสร้างไวยากรณ์ของ“过”     ถ้ามีกริยา 2 ตัว “过”จะต้องตามหลังกริยาตัวที่ ไม่ใช่วางไว้หลังกริยาตัวแรก  แต่ด้วยความเคยชินทำให้นักศึกษาใช้โครงสร้างไวยากรณ์“过”  แบบนี้ไม่ถูกต้อง
2.             โครงสร้างไวยากรณ์แบบ“曾/曾经 +……+“过” + ตอบผิดคิดเป็นร้อยละ 68.89 “过”วางไว้หลังคำกริยาจะแสดงถึงเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดหรือผ่านมาแล้วแล้ว  แต่นักศึกษาไม่ทราบว่าข้างหน้าคำกริยานั้นสามารถเติม“曾/曾经”ได้  ดังนั้นจึงทำให้เกิดปัญหาการใช้“过”ขึ้น  จากการทำการวิจัยแล้วจะเห็นได้ว่า“曾/曾经”และ“过” มักจะใช้คู่กันเสมอ
3.             โครงสร้างไวยากรณ์แบบ“动/++宾”  ตอบผิดคิดเป็นร้อยละ  66.67 “过” สามารถวางไว้หลังคำกริยาหรือคำคุณศัพท์  ไม่ใช่วางไว้หลังกรรม แต่เนื่องด้วยนักศึกษาไม่ทราบว่าคำไหนเป็นคำคุณศัพท์หรือคำกริยาจึงทำให้นักศึกษาวาง“过” ไว้ผิดตำแหน่ง
4.             โครงสร้างไวยากรณ์แบบ“动/+ + 宾”ตอบผิดคิดเป็น  62.33   เนื่องจาก“了”สามารถวางได้ 2 ตำแหน่ง คือ 1.หลังกริยาหรือคำคุณศัพท์   2.หลังประโยค   ดังนั้นจึงทำให้นักศึกษาเกิดความสับสน ไม่สามารถนำ“了”ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
5.             โครงสร้างไวยากรณ์แบบ“已经 +……+ + 宾” ตอบผิดคิดเป็นร้อยละ 56.67     ปกติแล้ว“已经”และ“了” มักจะใช้คู่กัน   จะแสดงความหมายว่าเหตุการณ์นั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว  แต่เนื่องจากนักศึกษาไม่ทราบโครงสร้างไวยากรณ์ทำให้นักศึกษาใช้ผิด
6.             โครงสร้างไวยากรณ์แบบ“没(有)+ 过” ตอบผิดคิดเป็นร้อยละ 52   รูปแบบโครงสร้างไวยากรณ์ประโยคปฏิเสธ  ไม่สามารถเต“了” ไว้หลัง“没(有)”ได้  แต่สามารถวาง“过”  ไว้หลังคำกริยาได้  แต่เนื่องด้วยนักศึกษาไม่รู้ว่าคำไหนเป็นคำกริยาหรือคำคุณศัพท์  จึงทำให้นักศึกษาไม่สามารถวาง“过”ได้ถูกตำแหน่ง
ซึ่งโครงสร้างเหล่านี้เป็นโครงสร้างไวยากรณ์การใช้“了”、“过”ทำให้เกิดความผิดพลาดการใช้ที่ถูกต้อง
แนวทางแก้ปัญหาสำหรับปัญหาการใช้“了”、“过”ของนักศึกษาไทย  คือ นักศึกษาควรจะศึกษาโครงสร้างประโยค  วิธีการใช้และข้อยกเว้นของการใช้“了”、“过”นอกจากนั้นนักศึกษาควรสังเกตและจดจำลักษณะทางความหมายของ“了”、“过”ด้วย  ซึ่งสามารถศึกษาค้นคว้าได้ที่หนังสือประกอบการเรียน  หนังสือไวยากรณ์  พจนานุกรม  และสื่ออินเตอร์เน็ต  เพื่อทำให้นักเรียน  นักศึกษา  เกิดความเข้าใจวิธีการใช้“了”、“过”มากขึ้น  และนำไปใช้เพื่อช่วยเป็นประโยชน์ต่อการเรียนต่อไป


中文摘要

题目           泰国学生使用“了”、“过”的问题研究 
                      研究对象:乌汶大学中文专业三年级的泰国学生   
                         
关键词     汉语语法    助词    “了、过”    语气助词    动态助词

本文研究的目的是研究“了”、“过”的语法结构,“了”、“过”的用法和“了”、“过”的意义上的特点。研究语法者借助书籍、课本、词典,以及网络信息进行研究,并对三十个乌汶大学人文学院中文专业学生进行问卷调查收集资料。
                研究发现,泰国学生使用“了”、“过”的语法结构存在问题最多的是
一、 +……+ ++ 宾”的语法结构, 此类错误占76.67 % 。因为学生不知道“过”的语法结构,如果有两个动词,“过”就放在 的后面,不是放在 的后面。但是因为受学生母语习惯的影响,使学生出现此类错误用法。
二、“曾/曾经 +……+“过” + ”的语法结构, 此类错误占68.89 % 。在动词的后面,表示过去曾经有这样的事情。因为学生不知道在动词后面可以加副词“曾/曾经”,“曾/曾经”和“过”常常一起用,所以使学生出现此类错误用法。
三、 “动/ + + 宾”的语法结构,“过”应该放在动词/形容词的后面,不能放在宾语的后面,但是学生不知道哪个词是形容词/动词,所以使学生放错位置,此类错误占 66.67 %
四、“动/ + + 宾”的语法结构,此类错误62.33%因为“了”可以放在两个地方,一是放在动词/形容词的后面,二是放在句子的后面。因为不了解,所以使学生混乱,使用错误。
五、“已经 +……+ + 宾”的语法结构,此类错误占56.67%一般“已经”和“了”常常一起用,表示动作或变化已经完成。但学生不知道,因此用错。
六、“没(有)+…..+过”的语法结构,此类错误占52%,否定句不能加“了”放在“没(有)”的后面,但是可以加“过”放在“没(有)”后,学生不知道哪个词是动词,所以他们放错“过”的位置。
这些语法结构是泰国学生使用“了”、“过”出现的问题产生的错误用法。因为有很多因素让学生不能正确使用“了”、“过”。
                本文研究结果建议学生应该多熟悉“了”、“过”的语法结构,借助教材、语法书、词典,以及网络上“了”、“过”的用法,以便更好地掌握“了”、“过”的用法。除此之外,应该观察和记诵“了”、“过”的语法和意义上的特点。并做大量练习本研究的成果会对外汉语教学方面有所帮助。


สรุปผลการวิจัย   ปัญหา   อุปสรรค   และข้อเสนอแนะ
(研究的结论   问题   阻碍   与提出修改建议)

ในบทนี้จะกล่าวถึงการสรุปผลการวิจัยที่ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปปัญหาการใช้“了”、“过”  ของนักศึกษาไทย  ซึ่งแยกหัวข้อได้ดังนี้
5.1  สรุปผลการวิจัย
5.2  แนวทางแก้ไขปัญหา
5.2  ปัญหาและอุปสรรคจากการทำวิจัย
5.3  ข้อเสนอแนะจากการทำวิจัย

5.1 สรุปผลการวิจัย (研究的结论)            
                จากการศึกษาเรื่อง  ปัญหาการใช้“了”、“过”  ของนักศึกษาไทย    มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้างไวยากรณ์     ความหมายและวิธีการใช้“了”、“过”  และเพื่อศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”  ของนักศึกษาไทย
                การเก็บรวบรวมข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์นั้นได้รวบรวมจากหนังสือไวยากรณ์  แบบเรียนวิชาภาษาจีน  หนังสือไวยากรณ์จีน  พจนานุกรม  และสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ  รวมทั้งได้ออกแบบทดสอบจำนวน  30 ข้อ  ตามโครงสร้างไวยากรณ์จีน  เพื่อแจกให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ สาขาวิชาภาษาจีน  คณะศิลปศาสตร์  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 30 คน เพื่อทำการเก็บข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จำนวนทั้งหมด  จากนั้นได้รวบรวมแบบทดสอบเพื่อนำมาหาค่าร้อยละและนำข้อมูลที่ได้จัดทำเป็นแผนภูมิ  แล้วได้มีการทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากกราฟ  เพื่อศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”  ของนักศึกษาไทย
                ในส่วนของแบบสอบถาม  ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
                ส่วนที่ 1  แบบทดสอบ  ในส่วนที่เป็นแบบทดสอบที่เกี่ยวกับประโยคภาษาจีนที่มีคำว่า“了”、“过”  ซึ่งทำหน้าที่เป็นคำเสริม  ทั้งเรื่องโครงสร้างไวยากรณ์  ความหมายและวิธีการใช้“了”、“过”  โดยวิธีการให้เลือกตอบ“了”、“过”  ให้ถูกต้องตามโครงสร้างไวยากรณ์
                ส่วนที่ 2  แบบทดสอบ ในส่วนนี้ให้เลือกใส่เครื่องหมายวงกลมข้อที่ถูกต้องตามหลักโครงสร้างไวยากรณ์“了”、“过” 
                ส่วนที่ 3  เป็นส่วนที่เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเป็นคำถามปลายเปิดให้นักศึกษาได้แสดงข้อเสนอแนะ   ความคิดเห็นเกี่ยวกับแบบทดสอบ
                ผลการวิจัยจากแบบทดสอบ   ในเรื่องปัญหาการใช้“了”、“过”  ของนักศึกษาไทย  จากค่าเฉลี่ยของนักศึกษาชั้นปีที่สาขาวิชาภาษาจีน  คณะศิลปศาสตร์   มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  สามารถเรียงลำดับปัญหาที่พบมากที่สุดไปจนถึงน้อยที่สุด  โดยค่าเฉลี่ยที่แสดงนั้นเป็นค่าเฉลี่ยที่นักศึกษาตอบผิด
                ผลกาวิจัยพบว่า  นักศึกษามีปัญหาในการใช้“了”、“过”  ที่มีโครงสร้างดังนี้
1.             โครงสร้างประโยคแบบ +……+ +“过”  + 宾)                                 76.67 %
2.             โครงสร้างประโยคแบบ /曾经 +……+“过”  + 宾)                                 68.89 %
3.             โครงสร้างประโยคแบบ  (动/+“过”  +宾)                                        66.67 %
4.             โครงสร้างประโยคแบบ  (动/+ “了”+宾)                                         62.33 %
5.             โครงสร้างประโยคแบบ 已经 +……+“了”+ 宾)                                 56.67 %
6.             โครงสร้างประโยคแบบ  (没(有)+ .…+“过”                                52 %
ผลการวิจัยพบว่า  นักศึกษามีปัญหาในการใช้“了”、“过”  เนื่องจากโครงสร้างไวยากรณ์ของ“了”、“过” ซึ่งจากบทที่ผ่านมาจะพบว่า “了”、“过” มีโครงสร้างไวยากรณ์  วิธีการใช้และข้อยกเว้นที่แตกต่างกัน แต่บางโครงสร้างไวยากรณ์ของ“了”、“过”  นั้นมีลักษณะตำแหน่งการวางที่เหมือนกัน  จนทำให้นักศึกษาสับสนการใช้  การสับสนความหมายของ“了”、“过”  รวมถึงนักศึกษาไม่คุ้นเคยและไม่แม่นยำกับโครงสร้างประโยคแบบต่างๆที่ได้กล่าวไว้ข้างบนจะพบว่าโครงสร้างประโยคแบบ +……+ +“过”  + 宾)มีการใช้ผิดมากที่สุด  คิดเป็นร้อยละ 76.67  เนื่องจากว่านักศึกษาไม่ทราบว่าถ้าหากในประโยคมีกริยาสองตัวให้เติม“过”  ไว้หลังกริยาตัวที่สอง ไม่ใช่หลังคำกริยาตัวแรก  แต่เนื่องด้วยความเคยชินในการใช้จึงทำให้เกิดความผิดพลาดในการเลือกวางตำแหน่ง    โครงสร้างที่มีการใช้ผิดรองลงมาคือโครงสร้างประโยคแบบ /曾经 +……+“过”  + 宾)คิดเป็นร้อยละ 68.89 จากรูปแบบโครงสร้างไวยากรณ์จะพบว่า/曾经 จะใช้คู่กับ “过” เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงการกระทำได้เคยเกิดขึ้นแล้ว   โครงสร้างที่มีปัญหารองลงมาก็คือ(动/+“过”  + 宾)  คิดเป็นร้อยละ  66.67 “过” จะวางไว้หลังกริยาหรือคุณศัพท์  ไม่ได้วางไว้หลังกรรม  โครงสร้างที่มีปัญหารองลองมาโครงสร้างประโยคแบบ  (动/ + “了” + 宾) คิดเป็นร้อยละ 62.33 เนื่องจากนักเรียนไม่ทราบแน่ชัดว่าคำไหนเป็นกริยาหรือคุณศัพท์  ทำให้นักศึกษาใช้“了” วางไว้ผิดตำแหน่ง โครงสร้างที่มีปัญหาต่อมาคือโครงสร้างแบบ已经 +……+“了”+ 宾)คิดเป็นร้อยละ 56.67  ปกติแล้ว已经 จะใช้คู่กับ“了” เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงการกระทำที่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว      โครงสร้างสุดท้ายที่มีเกิดข้อผิดพลาดในการใช้ก็คือโครงสร้างประโยคแบบ(没(有)+ .…+“过”  คิดเป็นร้อยละ 52  ถ้าในกรณีที่เป็นประโยคปฏิเสธนั้นจะเติม “了” ไม่ได้  แต่สามารถเติม “过”   ในรูปแบบปฏิเสธนั้น“过”   จะวางไว้หลังคำกริยาหรือคำคุณศัพท์  ไม่ใช่วางไว้หลัง没(有)

5.2  แนวทางแก้ไข  (改善问题的方法)
                ในการแก้ไขปัญหาในการใช้คำว่า  “了”、“过”  ของนักศึกษาไทย  ก็คือ  การศึกษาโครงสร้างไวยากรณ์และวิธีการใช้“了”、“过”  ข้อยกเว้นต่างๆของคำว่า  “了”、“过”  ควรมีการสังเกต  รวมถึงการจดจำในเรื่องของลักษณะความหมายของ“了”、“过”  ซึ่งสามารถศึกษาได้จากหนังสือประกอบการเรียน  หนังสือไวยากรณ์  พจนานุกรม  และสื่ออินเตอร์เน็ต  เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการใช้“了”、“过”  มากขึ้น  ถ้าไม่เข้าใจโครงสร้างและความหมายของ“了”、“过”  อาจจะทำให้เกิดปัญหาการใช้“了”、“过”  ในประโยคผิดได้
5.3  ปัญหาและอุปสรรคจากการทำวิจัย  (研究的问题与阻碍)
1.             เนื้อหาเรื่องวิธีการใช้“了”、“过”  ในบางโครงสร้างต้องใช้เวลานานในการค้นหา  ทั้งในหนังสือประกอบการเรียน  หนังสือไวยากรณ์  พจนานุกรม  และสื่ออินเตอร์เน็ต
2.             แหล่งข้อมูลที่ใช้ศึกษามีน้อย  ข้อมูลที่พบในสื่อต่างๆมีเนื้อหาน้อยและมีเนื้อหาไม่ละเอียด
3.             การเก็บรวบรวมแบบทดสอบล่าช้า 

5.4  ข้อเสนอแนะจากการทำวิจัย (提出修改建议)
                การศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้เลือกกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาคือนักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์   มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  จำนวน 30 คน  หากมีผู้สนใจต้องการศึกษาปัญหาการใช้“了”、“过”  ของนักศึกษาไทยเพิ่มเติมควรจะศึกษาเกี่ยวกับคำเสริมอาการ “了”、“着”、“过”เพื่อจะได้เห็นความแตกต่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงเลือกกลุ่มตัวอย่างกลุ่มอีกได้อีก เพื่อจะได้ทราบปัญหาของนักศึกษาไทยได้อย่างครอบคลุมและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนภาษาจีนของนักศึกษาไทยต่อไป 








  

没有评论:

发表评论