2012年2月29日星期三

การศึกษาปัญหาการใช้คำถามภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล


ชื่อสารนิพนธ์ภาษาจีน:       关于学生使用汉语“问句”的问题研究 
                           
研究对象: 乌汶府娜丽努功学校高中中文专业学生。
ชื่อสารนิพนธ์ภาษาไทย:         การศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีน กรณีศึกษา : นักเรียน

                                                     ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สายศิลป์-ภาษาจีนโรงเรียนนารีนุกูล
ชื่อสารนิพนธ์ภาษาอังกฤษ:  A study of problems in Chinese interrogative. Case study: 
                                                     Arts –Chinese students in Narinukun high school.





ผู้จัดทำ นางสาวณัฐภรณ์ เกิดแสง

อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์วกุล นิมิตโสภณ




บทคัดย่อ

หัวข้อวิจัย   : การศึกษาปัญหาการใช้คำถามภาษาจีน
         กรณีศึกษา นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล
คำสำคัญ :      ประโยคคำถาม, ภาษาจีน, รูปแบบและวิธีการใช้ประโยคคำถาม, ปัญหาการใช้ประโยคคำถาม

                ประโยคคำถามภาษาจีนมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบต่างก็มีวิธีการใช้ของตัวเอง ดังนั้นจึงเกิดปัญหามากมายสำหรับการเรียนประโยคคำถามในภาษาจีนเพื่อให้การเรียนการสอนภาษาจีนสำหรับนักศึกษาไทย มีคุณภาพมากขึ้น จึงทำให้เกิดงานวิจัยชิ้นนี้ขึ้น
                งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาความหมายของประโยคคำถาม รูปแบบและวิธีการใช้ประโยคคำถามในภาษาจีน รวมถึงศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามในภาษาจีน กรณีศึกษา : นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล โดยการศึกษข้อมูลจากหนังสือ เอกสารงานวิจัย และสื่ออินเตอร์เน็ต และการใช้แบบสอบถามและแบบทดสอบ
                จากผลการวิจัยพบว่า ประโยคคำถามในภาษาจีนแบ่งเป็น 7 รูปแบบ คือ
1. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ ,
2. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ปฤจฉาสรรพนาม,
3. ประโยคคำถามแบบยืนยัน-ปฏิเสธ,
4. ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำสันธาน 还是,
5. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 是不是,
6. ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำกริยาวิเศษณ์,
7. ประโยคคำถามแบบที่ใช้
            นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล มีความรู้ความเข้าใจ การใช้ประโยคคำถามภาษาจีนดังต่อไปนี้
1. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 66.66%,
2. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ปฤจฉาสรรพนาม 75%,
3. ประโยคคำถามแบบยืนยัน-ปฏิเสธ 66.67%,
4. ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำสันธาน 还是25%,
5. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 是不是50%,
6. ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำกริยาวิเศษณ์91.66%,
7. ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 83.33%
                ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลการศึกษานี้สามารถใช้ในการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจการใช้ประโยคคำถามและการใช้ประโยคคำถามอย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น ทำให้การเรียนการสอนภาษาจีนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

------------------------------------------------------------------

摘要

           
题目  关于大学生使用汉语“疑问句”的问题研究
        研究对象:乌汶府娜丽努功学校高中中文专业学生。
关键词:疑问句, 汉语,疑问句的形式和用法,使用疑问句的问题

    汉语中,疑问句有很多形式,各种形式都有自己的用法,使学习汉语的泰国学生学习汉语“疑问句”遇到很多的问题。为了提高汉语教学水平,因此现出本文之研究。

这项研究的目的是对汉语“疑问句”的意义﹑形式和用法,以及学生使用汉语“疑问句”时出现的问题进行研究。研究对象是乌汶府娜丽努功学校高中中文专业学生。研究手段包括借助书籍,文献研究及网络媒体,以及用调查问卷方法收集资料。

      研究的成果:汉语“疑问句”一共有七种形式:
1. 使用“吗”疑问句的形式,
2. 使用疑问代词疑问句的形式,
3. 正反疑问的形式,
4. 使用连词“还是”疑问句的形式,
5. 使用“是不是” 是非疑问句的形式,
6. 使用副词“多”疑问句的形式,
7. 使用“呢”疑问句的形式

      研究结果发现乌汶府娜丽努功学校高中中文专业学生理解“疑问句”程度排序如下:
1. 使用“吗”疑问句的形式66.66%,
2. 使用疑问代词疑问句的形式75%,
3. 正反疑问的形式66.67%,
4. 使用连词“还是”疑问句的形式25%,
5. 使用“是不是”是非疑问句的形式50%,
6. 使用副词“多”疑问句的形式91.66%,
7. 使用“呢”疑问句的形式83.33%

                研究者希望这项研究的成果可以应用于教学中,使学生正确理解和掌握汉语“疑问句”,用于发展汉语教学。


________________________________________________________



บทที่ 5第五章

บทสรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
研究成果

การศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหมายของประโยคคำถาม รูปแบบและวิธีการใช้ประโยคคำถามในภาษาจีน รวมถึงศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามในภาษาจีน โดยการศึกษารูปแบและวิธีใช้ประโยคคำถาม มีทั้งหมด 7 รูปแบบด้วยกัน คือ
1.         ประโยคคำถามแบบที่ใช้ ,
2.      ประโยคคำถามแบบที่ใช้ปฤจฉาสรรพนาม,
3.      ประโยคคำถามแบบยืนยัน-ปฏิเสธ,
4.      ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำสันธาน 还是,
5.      ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 是不是,
6.      ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำกริยาวิเศษณ์,
7.      ประโยคคำถามแบบที่ใช้
โดยการกำหนดขอบเขตการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล ทั้ง 3 ชั้นปี แล้วนำปัญหาที่พบมาวิเคราะห์ ซึ่งเมื่อศึกษาเรียบร้อยแล้วจะทำให้เข้าใจปัญหาการใช้ประโยคคำถาม และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ทั้งยังสามารถพัฒนาไปถึงการเรียนการสอนภาษาจีนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ในบทนี้จะกล่าวถึงการสรุปงานวิจัยที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รวบรวมมาทั้งหมดเพื่อศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีนของนักเรียนไทย ซึ่งแยกหัวข้อได้ดังนี้
5.1.สรุปผลการวิจัย 研究成果
5.2.ปัญหาอุปสรรค 研究的问题和阻碍
                                5.3.ข้อเสนอแนะ 研究的建议

5.1.สรุปผลการวิจัย 研究成果
ผู้วิจัยได้บทสรุปจากการศึกษา “ปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล” โดยการศึกษาวิจัย ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ว่า เพื่อศึกษาความหมายของประโยคคำถามภาษาจีน เพื่อศึกษารูปแบบและวิธีการใช้ประโยคคำถามภาษาจีน เพื่อศึกษาปัญหาในการใช้ประโยคคำถามภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล เพื่อนำผลที่ได้จากการศึกษาไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล เมื่อได้ดำเนินการศึกษาแล้ว สามารถสรุปได้ดังนี้
ปัญหาในการใช้ประโยคคำถาม
                จากการศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล จำนวน 24 คน ทำให้ทราบผลการศึกษาว่า นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล จำนวน 24 คน มีดังนี้
- ประโยคคำถามแบบที่ใช้ ตอบผิดร้อยละ33.33และตอบถูกร้อยละ 66.66
- ประโยคคำถามแบบที่ใช้ปฤจฉาสรรพนาม ตอบผิดร้อยละ 25 และตอบถูกร้อยละ 75
- ประโยคคำถามแบบยืนยัน-ปฏิเสธ ตอบผิดร้อยละ 33.33 และตอบถูกร้อยละ 66.67
- ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำสันธาน 还是ตอบผิดร้อยละ 75 และตอบถูกร้อยละ 25
- ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 是不是ตอบผิดร้อยละ 50 และตอบถูกร้อยละ 50
- ประโยคคำถามแบบที่ใช้ ตอบผิดร้อยละ 16.60 และตอบถูกร้อยละ 83.33
- ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำกริยาวิเศษณ์ตอบผิดร้อยละ 8.33 และตอบถูกร้อยละ91.66
สาเหตุของปัญหา
รูปแบบที่นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูลตอบผิดมากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 75 คือ ประโยคคำถามแบบที่ใช้คำสันธาน 还是 รองลงมา ตอบผิดร้อยละ 50 คือ ประโยคคำถามแบบที่ใช้ 是不是สาเหตุที่นักศึกษาตอบคำถามผิดเกิดจาก นักศึกษาใช้การเทียบกับประโยคในภาษาไทย และใช้ตามความรู้สึก จึงไม่คำนึงถึงหลักการและวิธีใช้ของแต่ละรูปแบบ จึงทำให้สับสนจนเกิดข้อผิดพลาดในการเลือกใช้คำและทำให้ประโยคผิดเพี้ยนไป

5.2.ปัญหาอุปสรรค 研究的问题和阻碍
                1. ปัญหาในการสืบค้นข้อมูล คือ ข้อมูลที่นำมาใช้อ้างอิงประกอบในการทำวิจัยยังมีจำนวน
                    น้อยข้อมูลบางเล่มก็แตกต่างกัน จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการเลือกข้อมูลที่ถูกต้อง
                    นานพอสมควรบางข้อมูลไม่เจาะลึกเท่าที่ควรจึงต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลค่อน
                    ข้างนาน
                2. ปัญหาในการสำรวจข้อมูล เนื่องจากเวลาเรียนของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
    ไม่เหมือนกันทำให้เกิดความล่าช้า
                3. ปัญหาในการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากข้อมูลที่ได้เป็นตัวเลขและมีจำนวนมาก ทำให้ต้อง
                    มีความระมัดระวังในการหาผลลัพธ์และตรวจสอบความถูกต้อง

5.3.ข้อเสนอแนะ 研究的建议
การศึกษาปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีน โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ พอใช้ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการใช้และรูปแบบของประโยคคำถาม แต่ยังมีบางรูปแบบที่ยังมีปัญหาอยู่ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประโยคคำถามมีหลายรูปแบบ ใช้ต่างกัน และไม่มีกฎแน่นอนตายตัว ดังนั้นควรนำรูปแบบประโยคคำถามเหล่านี้มาอธิบายหลักการใช้ ความหมาย และตัวอย่างเพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้ประโยคคำถามในภาษาจีนนั้นมีรูปแบบและวิธีการใช้ที่หลากหลาย ดังนั้นการแปลประโยคที่ใช้ในการสื่อสารนั้นจึงมีความสำคัญ ควรสังเกตควบคู่ไปกับบริบทของประโยค ที่สำคัญคือการใช้บ่อยเพื่อให้เกิดความเคยชิน เป็นการช่วยเพิ่มทักษะในภาษาให้ดียิ่งขึ้นอีกวิธีหนึ่ง
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องรูปแบบและวิธีการใช้ประโยคคำถามภาษาจีน และศึกษาเพื่อให้ทราบถึงปัญหาการใช้ประโยคคำถามภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายสายศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนนารีนุกูล ไม่ได้เน้นเรื่องการศึกษาวิเคราะห์รูปแบบของประโยคคำถามโดยตรง ดังนั้น เรื่องการศึกษาวิเคราะห์รูปแบบของประโยคคำถาม จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรจะมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีก

ศึกษาสภาพและปัญหาการเรียนการสอนของหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลป ศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษา: คณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ศึกษาสภาพและปัญหาการเรียนการสอนของหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลป ศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษา: คณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ผู้จัดทำ นางสาวนิรมล ฤกษ์รัตนวารี   5114442560

อาจารย์ที่ปรึกษา  อ.ณัฐพัชร์  เตชะรุ่งไพศาล



บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง                  :  ศึกษาสภาพและปัญหาการเรียนการสอนของหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ 
                                   มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษาคณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะ
                                   ศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
                                                                  
คำสำคัญ               :  ปัญหา  การเรียนการสอน  ภาษาจีน  คณะศิลปศาสตร์  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี


                สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการเรียนการสอนของหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษา: คณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2554 โดยมีคณาจารย์คนไทย 3 ท่าน  คณาจารย์คนจีน 3 ท่าน รวมทั้งสิ้น 6 ท่าน  นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวน 34 คน  นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จำนวน 27 คน  นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จำนวน 30 คน  และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 32 คน รวมทั้งสิ้น 123 คน โดยใช้แบบประเมินความพึงพอใจเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิจัย
                ผลการวิจัยพบว่าจากความคิดเห็นของคณาจารย์ต่อการเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2554  ผู้วิจัยพบปัญหา 2 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาด้านผู้เรียน และปัญหาด้านตำราหนังสือและสื่อการเรียนการสอน
                ผลการวิจัยพบว่าจากความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการสอนของคณาจารย์สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2554  ผู้วิจัยพบปัญหา 4 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาด้านผู้สอน  ปัญหาด้านตำราหนังสือและสื่อการเรียนการสอน  ปัญหาด้านหลักสูตร  และปัญหาด้านสภาพแวดล้อม
                การแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยจีน – ไทย คือหนึ่งความต้องการของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งสามารถทำให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง  สนทนากับเจ้าของภาษา  เรียนรู้วัฒนธรรม  จารีตประเพณี  วิถีชีวิตความเป็นอยู่  รวมไปถึงทัศนคติของคนจีน
                ผลการศึกษาสภาพและปัญหาการเรียนการสอนของหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษา: คณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2554 ในครั้งนี้ สามารถนำไปพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 



摘要

题目     乌汶大学人文学院中文专业的教学及其问题研究 研究对象:乌汶大学人
文学院中文专业的教师与1-4年级的学生、第二个学期。

关键词:    问题、教学、汉语、人文学院、乌汶大学




      本论文的研究目的是研究关于乌汶大学人文学院中文专业的教学问题 对象:乌汶大学人文学院中文专业的教师与1-4 年级的学生、第二个学期。有泰国教师 3 位、 中国交流教师 3 位; 一共有 6 位教师。一年级的学生有 34 个人、 二年级的学生有 27 个人、 三年级的学生有 30 个人、四年级的学生有 32 个人; 一共有 123 个人。 研究的方法使用满意程度的评价表。
      本文发现教师对学生学习教法问题的看法有2 个情况。如下:
一、学生问题的情况
二、汉语课本问题的情况
      本文发现学生对教师教法问题的看法有 4个情况。如下:
一、教师问题的情况
二、汉语课本问题的情况
三、中文专业课程的问题
四、学习周围的问题
乌汶大学人文学院中文专业的学生对中泰大学留学很关注。他们对中国人讲话、中国文化、中国风俗、中国人的生活、中国人的想法感兴趣。
本研究是关于乌汶大学人文学院中文专业的教学问题 对象:乌汶大学人文学院中文专业的教师与1-4 年级的学生,能够发展中文专业的课程更好。



บทที่ 5 第五章
สรุปผลการวิจัย 
研究成果
                ในบทนี้จะกล่าวถึงผลสรุปการวิจัยสภาพและปัญหาหลักสูตรการเรียนการสอนของสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยแบ่งผลการวิจัยดังนี้
                5.1 สรุปผลการวิจัย(研究的成果)       
5.1.1 สรุปความคิดเห็นของคณาจารย์           
5.1.1.1 ปัญหาด้านผู้เรียน
5.1.1.2 ปัญหาด้านตำราหนังสือและสื่อการเรียนการสอน       
5.1.2 สรุปความคิดเห็นของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4  
5.1.2.1 ปัญหาด้านผู้สอน
5.1.2.2 ปัญหาด้านตำราหนังสือและสื่อการเรียนการสอน
5.1.2.3 ปัญหาด้านหลักสูตรการเรียนการสอน
5.1.2.4 ปัญหาด้านสภาพแวดล้อม
                5.2 ปัญหาและอุปสรรค (研究的问题)
                5.3 ข้อเสนอแนะ                  (研究的建议)
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงสภาพและปัญหาหลักสูตรการเรียนการสอนของสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษาคณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4 คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
                กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษานี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
1. คณาจารย์ 6 ท่าน คณาจารย์คนไทย 3 ท่าน  คณาจารย์คนจีน 3 ท่าน โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป  2. ความพึงพอใจของคณาจารย์ต่อการเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  3. ข้อเสนอแนะต่างๆ 
2. นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวน 34 คน  นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จำนวน 27 คน  นักศึกษาชั้นปีที่ จำนวน 30 คน  และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน  32 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 123 โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น  3 ส่วน คือ 1. แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป  2. แบบสอบถามสภาพและปัญหาหลักสูตรการเรียนการสอนของสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีตามความคิดเห็นของนักศึกษา  3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการสอนของคณาจารย์สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และข้อเสนอแนะต่างๆ
                ในการอธิบายผลการวิจัยของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาในครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้การวิเคราะห์แบบประเมินความพึงพอใจ โดยการหาค่าเฉลี่ย (Mean) และการวิเคราะห์ข้อมูลประมวลผลเป็นแผนภูมิวงกลม
                รายงานสรุปผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหลักสูตรการเรียนการสอนของสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษา: คณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ดังนี้
5.1 สรุปผลการศึกษา (研究成果)
                การศึกษาวิจัยนี้ครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ ในด้านสภาพและปัญหาหลักสูตรการเรียนการสอนของสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กรณีศึกษา : คณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
5.1.1. สรุปความคิดเห็นของคณาจารย์ (教师的看法)
จากการตรวจสอบแบบประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรการเรียนการสอนและสภาพการเรียนของคณาจารย์สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พบปัญหาทั้งหมด 2 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาด้านผู้เรียน  และปัญหาด้านตำราหนังสือและสื่อการเรียนการสอน
                5.1.1.1 ปัญหาด้านผู้เรียน
                - เนื่องจากผู้เรียนจำนวนมากมีพื้นฐานด้านภาษาจีนในระดับประถม  มัธยมต้น มัธยมปลาย และหลักสูตรระยะสั้นมาก่อน จึงทำให้เกิดปัญหาในด้านการสอนอย่างมาก ส่งผลต่อความสนใจของผู้เรียนที่มีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อนลดน้อยลง เบื่อหน่ายเนื้อหาสาระที่เรียน
                - ในบางชั้นปีมีจำนวนผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษาจีนมาก่อนจำนวนมาก  ทำให้ผู้สอนง่ายต่อการสอนพื้นฐานทางด้านภาษาจีนมากยิ่งขึ้น  ผู้เรียนมีความสนใจและตั้งใจทั้งในด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียน แต่ในทางกลับกันผู้เรียนบางคนยังไม่สามารถนำความรู้ที่เรียนนำมาใช้ได้จริง


                5.1.1.2 ปัญหาด้านตำราหนังสือและสื่อการเรียนการสอน
                 - ตำราที่ใช้อยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นของ北京语言大学 เนื้อหาภายในหนังสือบางส่วนไม่ทันต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน ตำราเรียนส่วนใหญ่ไม่มีการแนะแนว หรือข้อสอบการสอบวัดระดับความรู้ทางด้านภาษาจีน (HSK)
                - คอมพิวเตอร์ภายในบางห้องเรียนไม่มีการลงโปรแกรมภาษาจีน ทำให้เอกสารประกอบการเรียนประเภท Power Point อักษรตัวจีนบางตัวปรากฎออกมาเป็นสัญลักษณ์  หรือในบางกรณีปรากฏเพียงบางตัวอักษรเท่านั้น
5.1.2 สรุปความคิดเห็นของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4 1-4 年级的学生的看法)
จากการตรวจสอบแบบประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4 ต่อหลักสูตรการเรียนการสอนของคณาจารย์สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พบปัญหาสำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาด้านผู้สอน  ปัญหาด้านตำราเนื้อหา ปัญหาด้านหลักสูตร  และปัญหาด้านสภาพแวดล้อม
5.1.2.1 ปัญหาด้านผู้สอน
- รูปแบบวิธีการสอนของคณาจารย์ตามความคิดเห็นของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 - 4 ส่วนใหญ่
ให้ความคิดเห็นว่า มีรูปแบบวิธีการสอนที่รวดเร็วเกินไป ทำให้ผู้เรียนไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่เรียนอย่างถ่องแท้
- ระยะเวลาในการเรียนบางรายวิชากระชั้นชิดกับช่วงการสอบกลางภาคมากเกินไป จึง
ส่งผลต่อผลการการเรียนของผู้เรียนเป็นอย่างมาก
- การใช้ภาษาแม่ในการสื่อสารในชั้นเรียน ทำให้ทักษะการใช้ภาษาจีนในด้านต่างๆ ของ
ผู้เรียนไม่พัฒนา และทำให้ไม่คุ้นเคยในด้านการพูดและฟังภาษาจีน
- การขาดแคลนผู้สอนคนจีน ปัจจุบันทางสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ไม่มีคณาจารย์คนจีนอยู่ประจำสาขา มีเพียงนักศึกษาคนจีนจาก 云南民族大学 มาฝึกสอน 3 คนเท่านั้น


5.1.2.2 ปัญหาด้านตำราเรียนและสื่อการเรียนการสอน
- ในบางรายวิชาเนื้อหาสาระของรายวิชานั้น ยากเกินกว่าพื้นฐานความรู้ของผู้เรียน จาก
แบบประเมินจะพบว่านักศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 4 มีความคิดเห็นว่าเนื้อหาสาระที่เรียนยากมาก
- เนื้อหาสาระของตำราเรียนไม่ทันต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน
- ขาดแคลนหนังสือนิทาน  เรื่องสั้น  หรือนิยายไว้ให้บริการกับผู้เรียน เพื่อเป็นการฝึกฝน
ทักษะด้านการอ่าน การวิเคราะห์รูปแบบไวยากรณ์ของผู้เรียน
- ขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนภาษาจีนเช่น ภาพยนตร์จีน  เพลงจีน และสื่อโทรทัศน์
จีนให้ผู้เรียนฝึกฝนทักษะการฟังและทักษะการอ่านของผู้เรียน
- หนังสือที่ให้บริการอยู่ภายในห้องสมุดคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ประเภทของหนังสือไม่มีความหลากหลาย และหนังสือบางประเภทมีเนื้อหายากเกินกว่าที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้
5.1.2.3 ปัญหาด้านหลักสูตร
- การเพิ่มเติมหลักสูตรการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยจีน – ไทย เพื่อการ
พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ของผู้เรียน และเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่  ทัศนคติของคนจีนอีกด้วย
- การเพิ่มเติมรายวิชาการฝึกงานลงในหลักสูตรสาขา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมใน
การประกอบอาชีพที่ต้องการในอนาคตของผู้เรียน
- ด้านรายวิชาเอกเลือกต่างๆ ผู้เรียนมีความต้องการให้มีรายวิชาเพิ่มเติมและหลากหลาย
มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นรายวิชาที่สามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริง
- เนื้อหาหลักสูตรรายวิชาภาษาจีน ควรเน้นรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีนให้มากกว่าเดิม
เนื้อหาหลักสูตรทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศจีน
- รายวิชาเอกบังคับควรมีการปรับเปลี่ยนให้เข้มข้นขึ้น โดยมีรายวิชาที่ผู้เรียนสามารถ
นำไปใช้ได้ในสถานการณ์จริง


5.1.2.4 ปัญหาด้านสภาพแวดล้อม
- อิทธิพลทางด้านภาษาแม่(ภาษาไทย) ส่งผลให้ผู้เรียนไม่นำภาษาจีนมาใช้ในการสื่อสาร
หรือภายในชั้นเรียน ยกเว้นรายวิชาเรียนที่ต้องสนทนากับผู้สอนคนจีน
- อิทธิพลทางด้านภาษาถิ่น (ภาษาไทยอีสาน)  ส่งผลต่อการออกเสียงของผู้เรียน
โดยเฉพาะอักษร ช ผู้เรียนบางคนออกเสียง ซ  ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้เรียนภาษาจีนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ในปีการศึกษา 2554 รายวิชาบางรายวิชาไม่สามารถหาห้องเรียนได้ เนื่องจากไม่มีสื่อ
มัลติมีเดียประกอบการเรียนการสอน  ขนาดของห้องไม่เหมาะสมกับจำนวนผู้เรียน  คอมพิวเตอร์ไม่มีโปรแกรมภาษาจีน  และบางรายวิชาผู้เรียนไม่สามารถสัมผัสกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์จริงได้
                ดังนั้นผู้สอนควรมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมหลักสูตรการเรียนการสอน ที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียนแต่ละระดับชั้น  ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนยกระดับทักษะด้านต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งควรมีการติดตามผลความพึงพอใจต่อการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีน แล้วนำผลที่ได้มาพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีนหรือวิชาอื่นๆ ต่อไป
5.2 ปัญหาอุปสรรค (研究的问题)
                1. ปัญหาแหล่งสืบค้นและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเรียนการสอนมีจำนวนน้อย  เนื้อหาส่วน
ใหญ่จะกล่าวคร่าวๆ อธิบายไม่ละเอียด ดังนั้นข้อมูลการทบทวนวรรณกรรมส่วนใหญ่ จึงได้มา
จากการศึกษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์
2. ผู้วิจัยมีปัญหาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านสถิติอย่างมาก  เนื่องจากการศึกษานี้จำเป็นต้องใช้
   โปรแกรมการวิเคราะห์ทางด้านสถิติ (SPSS) ใช้เวลาในการเรียนรู้และขอความช่วยเหลือจาก
   เพื่อนต่างสาขา จึงทำให้งานล่าช้าไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้
3. กลุ่มตัวอย่างไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการทำแบบประเมินความพึงพอใจ
5.3 ข้อเสนอแนะ  (研究的建议)
                การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาเฉพาะหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2554 เท่านั้น  จึงควรศึกษาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีนในปีต่อๆ ไป เพื่อเป็นการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการศึกษาหลักสูตรการเรียนการสอนของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย  มัธยมต้น และประถมศึกษาที่มีการเรียนการสอนภาษาจีน  เพื่อนำผลการศึกษาวิจัยเป็นแนวทางการปรับปรุงและจัดรูปแบบหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาต่อไป